ประวัติความเป็นมาของแตรวง
ความเป็นมาของแตรวงในประเทศไทย เริ่มขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้มีการปรับปรุงการจัดการกองกำลังทหารขึ้นใหม่ โดยยึดตามรูปแบบการเกณฑ์ทหารของฝรั่ง ทั้งยังจ้างครูฝรั่งเข้ามาฝึกทหาร ซึ่งครูฝึกฝรั่งได้มีการริเริ่มนำเพลงคำนับเข้ามาในกรุงสยาม โดยเพลงคำนับจะถูกบรรเลงเมื่อตั้งแถวคำนับ ส่วนเพลงที่บรรเลงจะใช้เพลง God save the Queen ในการบรรเลง ทว่าในตอนนั้นทางการสยามยังไม่ได้ให้ความสนใจ
ต่อมาในปีพ.ศ.2414
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองปัตตาเวีย มีทหารฮอลันดา
กองเกียรติยศ มาสอบถามเพลงคำนับเพื่อจะบรรเลงต้อนรับ เมื่อฝ่ายไทยบอกชื่อเพลง God
Save The Queen ทำให้ทหารฮอลันดาเข้าใจผิดว่าสยามในตอนนั้นเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
ดังนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมา
จึงทรงจัดตั้งกองทหารแตรวงทหารมหาดเล็กโดยมีพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ์
เป็นผู้กำกับกองทหารนี้คนแรก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์พินิต
เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประสูติแต่สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า
สุขุมาลมารศรี เป็นพระราชโอรสที่ทรงมีพระสติปัญญาเฉลียวฉลาดและทรงมีพระจริยวัตรอันงดงาม
และทรงเป็นพระราชโอรสองค์สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงคาดหวังให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต
ต่อมาในปีพ.ศ.2414
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองปัตตาเวีย มีทหารฮอลันดา
กองเกียรติยศ มาสอบถามเพลงคำนับเพื่อจะบรรเลงต้อนรับ เมื่อฝ่ายไทยบอกชื่อเพลง God
Save The Queen ทำให้ทหารฮอลันดาเข้าใจผิดว่าสยามในตอนนั้นเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
ดังนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมา
จึงทรงจัดตั้งกองทหารแตรวงทหารมหาดเล็กโดยมีพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ์
เป็นผู้กำกับกองทหารนี้คนแรก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์พินิต
เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประสูติแต่สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า
สุขุมาลมารศรี เป็นพระราชโอรสที่ทรงมีพระสติปัญญาเฉลียวฉลาดและทรงมีพระจริยวัตรอันงดงาม
และทรงเป็นพระราชโอรสองค์สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงคาดหวังให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต
โดยแตรวงชาวบ้านจะใช้บรรเลงในพิธีการต่างๆ ทั้งงานมงคล งานรื่นเริง งานอวมงคล จนกลายเป็นวัฒนธรรมแตรวงชาวบ้านสืบต่อมา ในช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดร.สุรสีห์ ชานกสกุลได้ศึกษาและได้ให้ข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์ไว้ว่า “ในสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีคนได้รับความรู้ด้านดนตรีจากต่างประเทศมากขึ้น มีคนเรียนดนตรีมากขึ้นและเริ่มมีการจัดตั้งโรงเรียนทำให้พัฒนาต่อมาจนเกิดเป็นแตรวงโรงเรียนและแตรวงมหาวิทยาลัยตามลำดับ ทำให้ด้านการเรียนการสอนแตรวงเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ในปัจจุบันการเรียนการสอนแตรวงมีมาตรฐานและถูกต้องมากขึ้นจนทำให้แตรวงตะวันตกในประเทศไทยได้การยอมรับจากสากลโลก”
แตรวงเป็นวงดนตรีที่ใช้บรรเลงในกิจกรรมของชาวบ้าน
โดยใช้สำหรับการประโคมและการแห่ในงานต่างๆ อาทิ งานศพ งานบวช งานแต่งงาน
งานสมโภชและงานสังสรรค์รื่นเริงอื่นๆ แตรวงนิยมใช้ทั่วไปในประเทศไทย
ตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมการประโคมและการแห่ของภาคกลาง
แตรวงเป็นวงดนตรีที่เริ่มจากกองดุริยางค์ของทหาร ซึ่งทหารแตรชุดแรกจากอังกฤษเข้ามาตั้งแต่ พ.ศ.2395 โดยมีครูแตร ร้อยเอกน๊อกซ์ (Thomas Gerge Knox) และร้อยเอกอิมเปย์ (Impey) เป็นครูฝึกทหารแตรที่อยู่ที่วังหลวงและวังหน้า โดยใช้เพลงก็อดเซฟเดอะควีน (God save the Queen) ทหารแตรส่วนใหญ่เป็นนักดนตรีปี่พาทย์ เล่นดนตรีในวงต่างๆเมื่อเป่าแตรได้ ก็นำแตรไปเป่าเพลงปี่พาทย์ด้วย จึงกลายเป็นแตรวงผสมปี่พาทย์เล่นในงานต่างๆกระจายไปสู่ชาวบ้านทั่วไป
เครื่องดนตรีของแตรวงที่นิยมใช้ประกอบด้วย เครื่องเป่า และเครื่องจังหวะเป็นหลัก อาทิ ทรัมเป็ต ทรอมโบน คอร์เน็ต บาริโทน(ยูโฟเนียม) ทูบา ฮอร์น คลาริเนต แซกโซโฟน และเครื่องจังหวะกลองอเมริกัน (กลองใหญ่) ฉิ่งฉาบ กรับ นิยมบรรเลงคู่กับปี่พาทย์ เมื่อใช้แห่ก็นิยมผสมกับวงกลองยาว แตรวงได้พัฒนาอยู่ในสังคมชาวสยามร่วม 150 ปี
และนอกจากนี้ยังได้ข้อมูลที่น่าสนใจจากการสัมภาษณ์อ.ดร.สุรสีห์
ชานกสกุล อาจารย์ภาควิชาดนตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ คุณณัฐธนัน คุ้มมงคล
อาจารย์สอนดนตรีและนักดนตรีที่เล่นแตรวงอยู่ในจังหวัดอ่างทองได้ให้สัมภาษณ์ว่า
“บทบาทของแตรวงในปัจจุบันนั้น แตกต่างจากอดีตมากเป็นอย่างมาก โดยในอดีตนั้น มีการใช้งานแตรวง ในงานโกนผมไฟเด็กแรกเกิด, งานโกนจุก, งานบวช, งานแต่ง, และงานศพ แต่ในปัจจุบัน บทบาทหน้าที่ของแตรวงถูกลดทอนไป เหลือเพียงไม่กี่งานเท่านั้น ที่ยังมีการใช้งานอยู่” -คุณณัฐธนัน คุ้มมงคล
“แตรวงมีพัฒนาการที่ยาวนานมาก โดยเริ่มขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีการใช้แตรของเปอร์เซียมาเป่าส่งสัญญาณทางการทหารจนสิ้นสุดรัชสมัยของพระองค์ แตรวงก็หายไป และกลับมาอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการปฏิรูปกองทัพ และในตอนนั้น แตรก็มีพัฒนาการจากการเป่าส่งสัญญาณเพียงอย่างเดียวก็สามารถเล่นเป็นเพลงได้ สมัยรัชกาลที่ 4 จึงใช้แตรเป่าเป็นเพลงส่งสัญญาณ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการส่งทหารแตรไปทุกหัวเมืองในสยาม ทำให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ด้านแตรจากทหารสู่ชาวบ้าน เกิดเป็นแตรวงชาวบ้านขึ้นมาไว้ใช้เล่นในพิธีการต่างๆ และมีการเล่นเพลงแบบไทยๆ ต่อมาในสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีคนมีความรู้ด้านดนตรีจากต่างประเทศมากขึ้น มีคนเรียนดนตรีมากขึ้นและเริ่มมีการจัดตั้งโรงเรียนทำให้พัฒนาต่อมาจนเกิดเป็นแตรวงโรงเรียนและแตรวงมหาวิทยาลัยตามลำดับ ทำให้ด้านการเรียนการสอนแตรวงเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ในปัจจุบันการเรียนการสอนแตรวงมีมาตรฐานและถูกต้องมากขึ้นจนทำให้แตรวงตะวันตกในประเทศไทยได้การยอมรับจากสากลโลก” -อ.ดร.สุรสีห์ ชานกสกุล
แตรวงทหารนำเพลงไทยแบบแผนมาบรรเลงทำให้อิทธิพลดนตรีตะวันตกในรูปแบบใหม่ได้แพร่กระจายเข้าสู่สังคมไทยอย่างกว้างขวางเกิดเป็นวัฒนธรรมดนตรีของไทยรูปแบบใหม่ขยายวงกว้างออกไปในส่วนภูมิภาคจากกิจการทหารที่แพร่ ขยายออกไปตามหัวเมืองต่างๆทำให้เกิดแตรวงทหารในส่วนภูมิภาคและส่งผลให้เกิดการถ่ายทอดสู่สังคมไทยกลายเป็น “ แตรวงชาวบ้าน” ที่ได้รับการถ่ายทอดจากครูแตรทหารเมื่อแตรวงชาวบ้านเกิดขึ้นในวันนธรรมดนตรีของ ไทยทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถรับชมรับฟังดนตรีประเภทนี้ได้ง่ายขึ้นบทบาทของแตรวงจึงแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีต่างๆของสังคมไทยเช่นงานบวชนาคงานทอดกฐินงานทอดผ้าป่า
อ้างอิง
กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับมูลนิธิจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ และ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล. (2559).
แตรสยาม จัดพิมพ์เนื่องในการสัมมนาวิชาการเรื่อง “จากแตรเดี่ยวถึงวงซิมโฟนิคแบนด์
ในโอกาสครบ ๑๓๕ ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต.
กรุงเทพฯ: สายธุรกิจโรงพิมพ์ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่งจำกัด (มหาชน).
Svasti, P. (2016).Marching bands in Thailand & Prince Paribatra Sukhumbhand. Retrieved July 30, 2021, from https://www.bangkokpost.com/learning/advanced/1006865/marching-bands-in-thailand-prince-paribatra-sukhumbhand.
สรวิชญ์ ฤทธิจรูญโรจน์. (2563). มิวเซียมสยาม แตรวง. สืบค้น 19 กรกฎาคม 2564, จาก https://m.museumsiam.org/da-detail2.php?MID=3&CID=177&CONID=4262&SCID=242.
สุกรี เจริญสุข. (2562). อาศรมมิวสิก : 136ปี‘พระเจนดุริยางค์’. สืบค้น 30 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.matichon.co.th/prachachuen/news_1559347.
อิทธิพล สวัสดิพฤกษา. (2558). การปรับตัวของแตรวงชาวบ้านในสังคมไทยปัจจุบัน. สืบค้น 30 กรกฎาคม 2564, จาก shorturl.at/hzQTZ.
Nongbank. (2009). ประวัติแตรวงชาวบ้าน. สืบค้น 30 กรกฎาคม 2564, จาก http://nongbank2547.blogspot.com/2009/08/blog-post_1479.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น